ข้อดีของธุรกิจออนไลน์
ข้อดีของธุรกิจออนไลน์ มีดังต่อไปนี้
- ไม่ต้องมีหน้าร้านก็ทำได้ เพราะธุรกิจออนไลน์เป็นการเปิดกว้างในการขาย เพียงแค่สร้างแฟนเพจ เว็บไซต์ หรือเปิดร้านค้าออนไลน์ขึ้นมา ก็สามารถนำสินค้ามาขายได้ทันที ซึ่งตัวสินค้าที่นำมาขายนั้นก็อาจจะเป็นตัวสินค้าที่มีสต็อกจริงๆ หรือเป็นการขายในรูปแบบตัวแทนที่ไม่ต้องมีหน้าร้าน โดยหากต้องการให้ธุรกิจออนไลน์ของเข้าถึงกลุ่มลูกค้าอย่างรวดเร็ว ก็แค่ทำ SEO (Search Engine Optimization) เพื่อให้เว็บไซต์ติดอันดับบน Search Engine ต่างๆ เช่น Google, Bing, Yahoo
- ประหยัดค่าใช้จ่าย เพราะไม่มีค่าเช่าร้านค้า ค่าเช่าพื้นที่ ค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปหาลูกค้า หรือค่าสินค้าที่จะนำมาสต็อกไว้ขาย การทำธุรกิจออนไลน์นั้นมีร้านค้าฟรี แฟนเพจฟรี ให้สามารถเปิดขายได้ง่าย แค่มีอินเทอร์เน็ตเท่านั้น
- เข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้ทั่วโลก เพราะบนโลกออนไลน์เราสามารถติดต่อสื่อสารกันได้แบบทั่วโลก แค่มีความรู้ในด้านภาษาเล็กน้อย นอกจากนี้ยังสามารถติดต่อพูดคุยกับลูกค้าได้ง่ายๆ ผ่านทางโซเชียล อย่างเช่น Line, Facebook และ IG ที่สามารถเข้าถึงได้หลายประเทศ
- สร้างแบรนด์ของตัวเองได้ คนส่วนใหญ่มักจะใช้อินเทอร์เน็ตจนเป็นส่วนหนึ่งของการดำรงชีวิต การขายสินค้าโดยสร้างแบรนด์ของตัวเองบนธุรกิจออนไลน์ จึงทำให้มีผู้คนรู้จักและจดจำแบรนด์ได้ง่ายขึ้น ประหยัดค่าใช้จ่ายในการโปรโมทแบรนด์ได้มากกว่าเดิม
- ทำได้ทุกที่ทุกเวลา ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน ก็สามารถทำธุรกิจออนไลน์ อัพโหลดสินค้า พูดคุยตอบโต้กับลูกค้าได้ตลอด เพียงแค่มีโทรศัพท์มือถือ หรือคอมพิวเตอร์ที่สามารถเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้ อาชีพนี้จึงเหมาะกับผู้ที่ต้องการสร้างรายได้เสริม เพราะถึงแม้ว่าจะทำงานประจำ ก็สามารถสร้างรายได้จากธุรกิจออนไลน์ได้ตลอดเวลา
- ทำได้ทุกสายอาชีพ ธุรกิจออนไลน์เป็นงานที่เปิดกว้าง ไม่ว่าใครก็สามารถทำได้ และมีผู้คนจำนวนไม่น้อยที่ประสบความสำเร็จกับการทำธุรกิจเหล่านี้ รวมถึงนักเรียนนักศึกษาที่อยากจะมีรายได้เสริม ก็สามารถเริ่มลงมือได้
- สร้างรายได้มากกว่างานประจำ เรื่องนี้คือเรื่องจริง พนักงานประจำบางคนขายของออนไลน์เป็นอาชีพเสริม ก็สามารถมีรายได้หลักแสน-หลักล้านได้ แต่จะต้องตั้งใจเรียนรู้ ลงมือทำอย่างจริงจัง ทำธุรกิจออนไลน์ เสมือนหนึ่งว่านี่คือการทำงานประจำ ทำพลาดก็กลัวโดนไล่ออก ทำดีก็ได้ขึ้นเงินเดือน (รายได้)
พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์
พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ เป็นการทำธุรกิจทางอิเล็กทรอนิกส์ผ่านทางระบบออนไลน์ โดยจะรวมไปถึงการขายสินค้าและบริการ การโอนเงินแบบอิเล็กทรอนิกส์ การขนส่งข้อมูลผลิตภัณฑ์ต่างๆ ในรูปแบบของดิจิทัลออนไลน์ การจัดซื้อจัดจ้างของภาครัฐ การขายตรง การจำหน่ายหุ้น การให้บริการหลังการขายและการประมูล เป็นต้น นอกจากนี้ยังใช้กับสินค้าและบริการพวก บริการด้านกฎหมาย การศึกษา อุปกรณ์ทางการแพทย์ บริการด้ายข้อมูลต่างๆ
รูปแบบของพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์
พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ มีทั้งหมด 5 รูปแบบ ได้แก่
- B-to-B (Business to Business) เป็นรูปแบบการค้าที่เกิดขึ้นระหว่างบริษัทและองค์กร โดยจะเป็นการขายครั้งละมากๆ
- B-to-C (Business to Consumer) เป็นรูปแบบการค้าระหว่างองค์กรกับลูกค้าส่วนบุคคล โดยจะเป็นการค้าส่งขนาดย่อมแบบพอประมาณ
- C-to-C (Consumer to Consumer) เป็นรูปแบบการค้าที่เกิดขึ้นระหว่างบุคคลกับบุคคลด้วยกัน โดยจะเป็นลักษณะของการค้าปลีก ส่วนมากจะมีปริมาณการขายน้อย
- G-to-C (Government to Consumer) เป็นรูปแบบการค้าระหว่างภาครัฐกับผู้บริโภค โดยมักจะเป็นการให้บริการประชาชน
- G-to-B (Government to Business) เป็นรูปแบบการค้าระหว่างภาครัฐกับองค์กร โดยจะเป็นการขายในปริมาณมากๆ
วิธีการทำธุรกิจออนไลน์
1. เว็บไซต์ สิ่งสำคัญของการทำธุรกิจออนไลน์
ปัจจุบันโซเชียลกำลังมาแรง จึงทำให้เหล่าพ่อค้าแม่ค้าหรือผู้ที่ต้องการทำธุรกิจออนไลน์ส่วนใหญ่ ให้ความสำคัญกับเว็บไซต์น้อยลง โดยเฉพาะแบรนด์เล็กๆ แต่หากมองในแง่ความจริงแล้ว เว็บไซต์ก็ยังถือเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดต่อการทำธุรกิจออนไลน์อยู่ดี โดยเฉพาะกับแบรนด์สินค้าที่ต้องการการเติบโตอย่างยั่งยืน นั่นก็เพราะเว็บไซต์ถือเป็นสินทรัพย์บนโลกออนไลน์ของแบรนด์ เพราะมีเจ้าของจริง โดยไม่ได้ไปเช่าที่ของคนอื่นอยู่ หรืออาจกล่าวได้ว่า เจ้าของเว็บไซต์ สามารถทำอะไรกับเว็บไซต์ก็ได้ตามต้องการ นอกจากนี้หากแบรนด์ไหนสามารถใช้ประโยชน์จากเว็บไซต์ได้ดี ก็จะกลายเป็นผู้ที่ได้เปรียบบนโลกออนไลน์อีกด้วย
2. เน้นการสร้างคุณค่า และซื้อโฆษณาให้น้อยลง
การซื้อโฆษณาเป็นกลยุทธิ์ ที่เหล่านักธุรกิจออนไลน์ส่วนใหญ่นิยมใช้กัน ซึ่งแม้ว่าโฆษณาเหล่านี้จะสามารถเพิ่มผู้เข้าชมให้สูงขึ้นได้ และยังเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้เป็นจำนวนมากในระยะเวลาสั้น แต่ในขณะเดียวกันก็ไม่สามารถที่จะหยุดจ่ายเงินค่าโฆษณาเหล่านั้นได้ เมื่อมีการแข่งขันทางด้านโฆษณาสูงขึ้น ราคาค่าโฆษณาก็จะแพงขึ้น ดังนั้นคงจะดีกว่าหากพยายามซื้อโฆษณาให้น้อยลง และเน้นการสร้างคุณค่าให้กับเว็บไซต์ให้มากขึ้นแทน (การทำ SEO) ซึ่งจะทำให้ได้กลุ่มลูกค้าที่เข้าชมเว็บไซต์เนื่องจากความสนใจในเว็บไซต์จริงๆ และยังลดค่าใช้จ่ายในการซื้อโฆษณาลงอีกด้วย
3. อย่าลืมเก็บข้อมูลลูกค้า
การเก็บข้อมูลของลูกค้า มีความสำคัญต่อการทำธุรกิจออนไลน์เป็นอย่างมาก เพราะในอนาคตคาดว่าจะกลายเป็นยุคที่มีการทำ Big Data ซึ่งมี Artificial Intelligence (AI) เข้ามาเกี่ยวข้อง ซึ่งหากแบรนด์ไหนมีข้อมูลของลูกค้ามาก ก็จะสามารถประมวลผลได้ดีกว่า และยังได้เปรียบคู่แข่ง นอกจากนี้ก็สามารถที่จะเสนอการขายได้อย่างถูกที่ ถูกเวลามากกว่าเช่นกัน โดยการเก็บข้อมูลของลูกค้า ก็สามารถทำได้ 2 แบบ คือ
- การเก็บข้อมูลจากที่ลูกค้าให้มา เช่น อายุ เพศ ชื่อ งบประมาณ เป็นต้น
- การเก็บข้อมูลที่ได้จากพฤติกรรมของลูกค้า เช่น ความถี่จากการที่ลูกค้าเปิดอีเมลล์ การเข้าใช้งานของลูกค้า เป็นต้น
4. อย่าละทิ้งโลก Offline
การทำธุรกิจออนไลน์ไม่ควรละทิ้งโลก Offline ดังนั้นจึงควรเชื่อมต่อระหว่างโลกออนไลน์ และออฟไลน์เข้าด้วยกันอย่างแนบเนียน กล่าวคือ เป็นการขายและให้บริการผ่านทางออนไลน์ก็จริง แต่ก็ควรเปิดช่องทางให้สามารถติดต่อกันในรูปแบบ offline ได้ด้วย หรือในบางคนที่นอกจากจะขายของบนร้านค้าออนไลน์แล้ว ก็มีหน้าร้านจริงด้วยนั่นเอง
การตลาดออนไลน์ 4.0
Digital Marketing เป็นรูปแบบในการทำการตลาดออนไลน์ที่กำลังได้รับความนิยมและมีการพูดถึงเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะการตลาดออนไลน์ 4.0 ซึ่งมี 3 ลักษณะสำคัญที่เหล่านักธุรกิจควรรู้ก่อนเริ่มทำการตลาดออนไลน์ 4.0 ดังนี้
1. การทำธุรกิจแบบออนไลน์และออฟไลน์ต้องไปด้วยกัน
การตลาด 4.0 เน้นการเชื่อมโยงระหว่างโลกออนไลน์และออฟไลน์เข้าด้วยกัน ผู้ที่ต้องการทำธุรกิจการขาย ก็จะต้องมีทั้งการขายบนร้านค้าออนไลน์ และขายแบบหน้าร้านจริง เพื่อให้ลูกค้ามีทางเลือกในการสั่งซื้อสินค้ามากขึ้น และยังเป็นการสร้างความน่าเชื่อถือได้ดี
2. การตลาด 4.0 กับ 1-1 Marketing
เน้นการทำธุรกิจที่ให้ความใส่ใจ และให้ความสำคัญกับลูกค้าแบบรายบุคคล มากกว่าลูกค้าที่เป็นกลุ่มเป้าหมายกว้างๆ
3. ให้ข้อมูลอย่างครบถ้วน พร้อมรับฟังความเห็น
เทคโนโลยีและโซเชียลมีเดียเข้ามาเกี่ยวข้อง จึงต้องมีการให้ข้อมูล และรับฟังความคิดเห็นจากหลายๆ ฝ่าย ดังนั้นผู้ที่ทำธุรกิจออนไลน์จึงต้องเตรียมข้อมูลสำหรับการตอบคำถาม เพื่อให้สามารถตอบโจทย์ลูกค้าได้มากที่สุด และต้องยอมรับฟังคำติชมจากลูกค้า เพื่อนำมาปรับปรุงต่อไป การจะทำธุรกิจในยุคการตลาด 4.0 จึงต้องทำการศึกษาข้อมูลและกลยุทธ์ต่างๆ ให้ดี เพื่อให้สามารถขับเคลื่อนธุรกิจไปได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
ติดตามเนื้อหาดีๆ น่าอ่านได้ที่ heronbeck.com อัพเดตทุกสัปดาห์